Crystal Ice Plant – พืชน้ำแข็ง อัญมณีแห่งแอฟริกาใต้

Crystal Ice Plant

สวัสดีครับทุกท่าน ในบทความนี้ผักอวบจะมาแนะนำผักหายากชนิดหนึ่ง ที่กว่าจะได้มาครอบครองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ เพราะในประเทศไทยเราแทบจะไม่มีคนปลูกขึ้นเลยครับ และใน 1 ปีจะสามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงแค่ช่วงปลายฝนต้นหนาวเท่านั้นซึ่งจะตรงกับช่วงปลายตุลาคมเข้าพฤศจิกายนนั่นเองครับ ซึ่งนอกจากจะหายากแล้วผักชนิดนี้ยังเป็นผักที่สวยงามมาก ๆ ผักหนึ่งเลยครับ

หลายคนอาจจะเดาออกแล้ว ว่าผักอวบกำลังพูดถึงผักอะไร ผักที่ว่าก็คือ “พืชน้ำแข็ง” นั่นเองครับ บางคนอาจจะไม่คุ้นกับชื่อนี้ แต่ถ้าผักอวบบอกว่า “ผักเกล็ดหิมะ” หรือ “ไอซ์แพล้นท์” หลายคนน่าจะร้องอ๋อกันเลยทีเดียว เดี๋ยวเราไปดูข้อมูลของผักตัวนี้แบบแน่น ๆ กันเลยดีกว่าครับ

 

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชน้ำแข็ง (Botanical Characteristics Of Crystal Ice Plant)

“พืชน้ำแข็ง” หรือ “ผักเกล็ดหิมะ ” จัดเป็นพืชในวงศ์ผักเบี้ยทะเล (Aizoaceae) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Mesembryanthemum crystallinum L. และมีชื่อสามัญทั่ว ๆ ไป คือ Crystal Ice Plant, Common Ice Plant หรือ Ice Plant ธรรมดาครับ ผักเกล็ดหิมะ เป็นผักทรงพุ่มเตี้ย ความสูงโดยเฉลี่ยของพืชชนิดนี้จะอยู่ที่ประมาณ 8-14 เซนติเมตร เป็นผักอวบน้ำ เนื้อฉ่ำ กรอบ และรสชาติออกเค็มนิด ๆ ตัวใบเลี้ยงของผักเกล็ดหิมะจะมีขนาดเล็กมาก ๆ เมื่อเทียบกับใบเลี้ยงของผักทั่ว ๆ ไป ส่วนลักษณะของใบจริงของผักเกล็ดหิมะจะมีลักษณะเป็นใบแผ่กว้างซึ่งข้างในใบพืชนั้นจะมี แบลดเดอร์ เซลล์ (Bladder cell) อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าแบลดเดอร์ เซลล์นั้นจะมีหน้าที่ในการเก็บสะสมอาหาร แร่ธาตุ และน้ำ ซึ่งหากเรานำกล้องจุลทรรศน์มาซูมเข้าไปในแบลดเดอร์ เซลล์เหล่านี้จะพบเห็นความน่าสวยงามที่ตราตรึงใจมาก นั่นก็คือเราจะพบกับ ไตรโคม (Trichome) ที่เป็นเส้นขนขนาดเล็ก คล้ายกับเกล็ดหิมะเกาะอยู่ที่ช่วงใบถึงลำต้นของพืช มีหน้าที่หลัก คือ การเก็บสะสมน้ำ ดังนั้นหากมองด้วยตาเปล่าเราจะเห็นผักตัวนี้เหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่รอบ ๆ นั่นเอง ความพิเศษอีกอย่างของ Ice Plant คือ เมื่อใบจริงเริ่มโตและมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น ตัวพืชจะผลิใบใหม่โดยดันใบใหม่นั้นออกมาจากต้น ซึ่งใบใหม่ที่งอกออกมาจะมีลักษณะที่เล็กกว่าใบในตอนแรกทำให้ในภาพรวมพอพืชน้ำแข็งโตขึ้นจนถึงจุดหนึ่งจะมีความสวยงาม จนถึงกับถูกขนานนามว่า “อัญมณี” แห่งแอฟริกาใต้กันเลยทีเดียวครับ

 

ภาพ Bladder Cell ของพืชน้ำแข็ง

Crystal Ice Plant

ภาพ Trichome ของพืชน้ำแข็ง

 

ถิ่นกำเนิดของ Ice Plant

Ice Plant ถูกตั้งชื่อตามลักษณะของพืช ที่มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ทั่วทั้งต้นและใบ โดยต้นกำเนิดของไอซ์แพล้นท์ ตามหลักฐานพบว่ามีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา(ทะเลทรายนามิบ), คาบสมุทรไซนาย (อียิปส์) และยุโรปตอนใต้ แต่ในปัจจุบันพืชน้ำแข็งนี้ได้กระจายความนิยมไปสู่ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเรียกเฉพาะสำหรับผักตัวนี้เลยทีเดียว โดยคนญี่ปุ่นจะเรียกผักเกล็ดหิมะว่า “บาราฟุ” (Barafu : バラフ) ครับ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงงงว่าแล้วทำไมผักเกล็ดหิมะถึงไปอยู่ในทะเลทรายได้ล่ะ? ผักอวบขออธิบายอย่างนี้ครับว่า เจ้าผักเกล็ดหิมะเนี่ย เป็นพืชที่น่าสนใจเนื่องจากตัวพืชสามารถปรับเปลี่ยนการสังเคราะห์แสงได้ด้วยความเครียดครับ โดยผักเกล็ดหิมะนี้เป็นได้ทั้งพืชกลุ่ม C3 และ CAM นั่นเองครับ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถิ่นกำเนิดของพืชประเภทนี้จึงอยู่ในทะเลทรายได้

 

ทำไม Ice Plant จึงหากินได้ยากในไทยล่ะ?

รู้หรือไม่ครับว่าในประเทศไทยเราก็เคยมีการนำเจ้าผักเกล็ดหิมะมาปลูกกันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ด้วยความที่ผักตัวนี้ชอบอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส ดังนั้นหากปลูกในประเทศเราจะสามารถปลูกได้แค่ช่วงหน้าฝน-หนาวโดยปลูกได้แค่ในโซนที่มีอากาศหนาวเย็นเท่านั้นครับ นอกจากนี้เจ้าผักเกล็ดหิมะยังเป็นพืชที่ต้องได้รับการดูแลที่ดี และใส่ใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากตัวลำต้นและใบมีความเปราะบางมาก หากได้รับสารอาหารมากหรือน้อยเกินไปอาจจะตายได้ ทำให้หลาย ๆ ท่านที่เคยลองปลูกแล้วถึงกับต้องตัดใจกันเลยทีเดียว ด้วยความเยอะนี้เองทำให้ประเทศเราล้มเลิกในการนำพืชตัวนี้มาปลูกนั่นเองครับ แต่ที่บารมีพิรุณ Plant Factory ของเรา เป็นโรงงานผลิตพืชที่แรกมีการจำลองสภาพอากาศให้เหมาะสมกับผักเกล็ดหิมะทำให้เราสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปีครับ

Crystal Ice Plant

ภาพ Crystal Ice Plant จาก บารมีพิรุณ Plant Factory

 

สารสำคัญที่พบได้ใน Ice Plant

สารสำคัญที่พบใน Ice Plant คือสารในกลุ่ม Inositol ได้แก่ Myo-Inositol ที่มีส่วนช่วยให้การผลิตฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ Pinitol ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่ทำงานคล้าย Insulin จึงมีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากนี้ในผักเกล็ดหิมะยังอุดมไปด้วย วิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา, เบต้า-แคโรทีน, แคลเซียม, วิตามิน เค และโพรลีน ครับ

ซึ่งหากเราลองนำข้อมูลทางโภชนาการของ Ice Plant มาเทียบกับพืชในตระกูลผักกาดหอม (Lettuce) จะพบว่าคุณค่าทางโภชนาการของ Ice Plant ทิ้งห่างไปแบบไม่เห็นฝุ่น โดยเฉพาะสารสำคัญอย่าง Inositol และ Beta-carotene ที่สูงมาก ๆ ครับ

 

Crystal Ice Plant

แผนภูมิเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการระหว่างผักเกล็ดหิมะและผักกาดหอม (100 กรัม)

 

ประโยชน์ของ Ice Plant

ผักเกล็ดหิมะหรือพืชน้ำแข็งนี้สามารถนำมากินสดได้เลย โดยประโยชน์ของผักเกล็ดหิมะ คือ

  1. บรรเทาอาการคันและการอักเสบ – Ice Plant สามารถหยุดอาการคันและบรรเทาการอักเสบได้ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ปกป้องผิวของเราโดยการลดการผลิตสารอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิวและทำให้เกิดการติดเชื้อและการอักเสบได้
  2. ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น – เนื่องจากมีสารประกอบใน Ice Plant ที่รักษาอาการอักเสบได้ดีมาก สมุนไพรนี้จึงใช้เพื่อส่งเสริมระบบหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรงขึ้น การใช้ Ice Plant สามารถช่วยรักษาความดันโลหิตสูงได้ เช่นเดียวกับการลดระดับของไขมันเลว (LDL) ครับ
  3. ป้องกันรังสียูวี – ครีมกันแดดหลายชนิดใช้สารสกัดจาก Ice Plant เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากสารสกัดจาก Ice Plant จะทำหน้าที่กระตุ้นกลไกการปกป้องผิวจากอันตรายต่าง ๆ เช่น รังสียูวีที่พร้อมจะเผาเซลล์ผิวเรา นอกจากนี้ยังช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิว โดยสารเหล่านี้จะกระตุ้นการสร้างโปรตีนและกระบวนการสังเคราะห์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่เป็นตัวสร้างโปรตีนสองชนิด คือ คอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับผิวหนังของคนเราในการรักษาความชุ่มชื้นนั่นเองครับ

 

เมนูอาหารที่ทำจาก Ice Plant

นอกจากการกินสดแล้ว Ice Plant สามารถนำไปประยุกต์ได้อีกหลากหลายเมนู ซึ่งผักอวบได้คัดเมนูที่เห็นแล้วจะต้องน้ำลายไหลมาให้ดูกันครับ

 

ภาพจาก: https://recipe.rakuten.co.jp/

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับพืชน้ำแข็งสุดคูล อยากหามาลิ้มลองกันบ้างรึยังครับ แต่เอ..สำหรับใครที่ไม่รู้จะหาได้จากที่ไหน ผักอวบมีข่าวดีจะมาบอก คือ ทีมวิจัยของ บารมีพิรุณ Plant Factory ศึกษาจนได้สภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในการปลูก Ice Plant ภายใน Plant Factory ของเราแล้วครับ โดยเราได้ทำการวิจัยและทดลองมากว่า 3 เดือนเต็ม เพื่อให้ผักเกล็ดหิมะที่ดีที่สุดนั่นเอง โดยในตอนนี้เราสามารถปลูกได้ 2 แบบครับ คือ แบบรสชาติดั้งเดิม (Original Taste) และแบบไม่เค็ม (Salt Free) ซึ่งทั้ง 2 แบบ จะมีความฉ่ำ กรอบ คุณประโยชน์สูง ต่างกันแค่รสชาติที่แบบดั้งเดิมจะออกเค็มนิด ๆ ส่วนแบบไม่เค็มจะกรุบ ๆ หนุบ ๆ ครับหากท่านใดสนใจผักเกล็ดหิมะ คลิกที่นี่ หรือ link ด้านล่างได้เลยนะครับ ถ้าชอบบทความสาระความรู้ด้านเกษตรแบบนี้อย่าลืมกด Like กด Share และกดติดตาม บารมีพิรุณ Plant Factory ผ่านช่องทางต่าง ๆ ด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ

Table of Contents

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *