สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) คืออะไร? อ่านจบเด็กลง 15 ปี!

antioxidants สารต้านอนุมูลอิสระ

หลายคนคงเคยผ่านหูผ่านตากับคำว่า “สารต้านอนุมูลอิสระ” กันมาบ้างตามโฆษณาวิตามิน ครีมทาผิว หรืออาหารเสริม แต่รู้หรือไม่ครับว่าเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ มีประโยชน์ต่อร่างกายเรายังไง ทำไมหลายแบรนด์ทั้งในไทยและต่างประเทศจึงยกคำนี้มาใช้โฆษณา เดี๋ยวผักอวบจะพาทุกคนไปรู้จักกับสารต้านอนุมูลอิสระให้มากยิ่งขึ้นนะครับ แต่ก่อนที่เราจะไปรู้จักสารต้านอนุมูลอิสระ เราไปดูกันก่อนดีกว่าว่า “อนุมูลอิสระ” คืออะไร

 

“อนุมูลอิสระ” วายร้ายที่ทำลายความหนุ่มสาวของเรา

อนุมูลอิสระ (Free Radical) คือ อะตอมหรือโมเลกุล ที่มีอิเล็กตรอนไม่เป็นคู่ (Unpaired Electron) อย่างน้อย 1 ตัวโคจรรอบวงนอกสุด ส่งผลให้อะตอมหรือโมเลกุลเหล่านั้นเกิดความไม่เสถียรขึ้น ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดมันเลยต้องไปแย่งจับอิเล็คตรอนของเซลล์อื่นในร่างกายเพื่อให้ครบคู่ ทำให้ร่างกายของเราผิดเพี้ยน ขาดความสมดุล ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ตามมามากมาย แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่โมเลกุลข้างเคียงสูญเสียอิเล็กตรอนไป โมเลกุลเหล่านั้นก็จะกลายเป็นอนุมูลอิสระตัวใหม่ที่ไม่เสถียรและเข้าทำปฏิกิริยากับโมเลกุลอื่นต่อไปเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain Reaction) นั่นเอง น่ากลัวกว่าแชร์ลูกโซ่อีกนะครับเนี่ย แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเจ้าอนุมฺลอิสระนี้จะมีแต่โทษเพียงอย่างเดียว เพราะในบางครั้งอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็มีหน้าที่คอยทำลายสิ่งแปลกปลอม ซึ่งบางทีก็มีประโยชน์เหมือนกัน

 

อนุมูลอิสระมาจากไหน?

ต้องอธิบายก่อนว่าอนุมูลอิสระสามารถมาได้จาก 2 แหล่ง คือ

  1. แหล่งภายใน คือ อนุมูลอิสระที่ร่างกายของเราสร้างขึ้น เช่น ในกรณีที่เราแก่ตัวลง เกิดความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  2. แหล่งภายนอก คือ อนุมูลอิสระที่แฝงอยู่ในสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา เช่น แสงแดด ความร้อน มลพิษจากฝุ่น ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ ยาฆ่าแมลง อาหารแปรรูปที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว

อ่านมาถึงตรงนี้บางคนอาจจะตกใจ เพราะสิ่งที่ผักอวบพูดมาข้างต้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยในชีวิตประจำวัน แบบนี้ร่างกายเราคงเต็มไปด้วยอนุมูลอิสระแล้วสินะ คำตอบก็คือ “ใช่ครับ” แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้โหดร้ายกับคนเรามากนัก เพราะเมื่อมีวายร้ายก็ต้องมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย ซึ่งพระเอกที่ว่าก็คือ “สารต้านอนุมูลอิสระ” นั่นเองครับ

 

antioxidants สารต้านอนุมูลอิสระ

 

“สารต้านอนุมูลอิสระ” พระเอกที่จะช่วยคืนความหนุ่มสาวให้พวกเรา

สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) คือ สารที่จะมาทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ โดยจะเข้าไปป้องกันหรือแย่งที่จับกับอนุมูลอิสระ และนำเจ้าวายร้านอนุมูลอิสระเหล่านั้นไปทิ้งนอกเซลล์ ทำให้เซลล์ไม่ถูกทำลายนั่นเองครับ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระมาได้จาก 2 ส่วน คือ

  1. ร่างกายของเราสร้างขึ้นมาเอง โดยการผลิตเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant enzymes) ให้ไปจับกับอนุมูลอิสระ เพื่อที่จะควบคุมอนุมูลอิสระให้อยู่ในปริมาณที่สมดุล เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าอนุมูลอิสระไม่ได้มีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว หากมันอยู่ในภาวะที่สมดุลก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รับสารพิษจากภายนอก อนุมูลอิสระจะเกิดการสะสมและพร้อมที่จะกลายเป็นภัยต่อร่างกายเราในทันที ซึ่งเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายของเราผลิตก็มักจะไม่เพียงพอ ทำให้ในท้ายที่สุดเซลล์ก็เกิดอาการบาดเจ็บขึ้นได้ และยิ่งเมื่อคนเราอายุมากขึ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระก็มีแต่จะลดลง ในขณะที่ปริมาณอนุมูลอิสระยังคงเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นจากแหล่งภายนอก ผลที่ตามมาคือการเกิดโรคต่าง ๆ มากมายในคนสูงวัยนั่นเอง ดังนั้นเราจึงต้องพึ่งสารต้านอนุมูลอิสระในส่วนที่สองครับ
  2. การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารที่เรากิน โดยส่วนใหญ่สารต้านอนุมูลอิสระจะพบได้มากในอาหารประเภทผักผลไม้ ธัญพืช และเนื้อปลาบางชนิด แน่นอนว่าสารต้านอนุมูลอิสระมีอยู่เป็นล้านชนิด แต่ที่พวกเรารู้จักกันก็คงจะเป็น วิตามินเอ ซี และอี เบต้าแคโรทีน หรือฟลาโวนอยด์นั่นเอง ซึ่งในส่วนนี้ยังแยกย่อยได้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และสารต้านอนุมูลอิสระที่สังเคราะห์ขึ้นในอาหารเสริมต่าง ๆ ครับ

แน่นอนว่าสารต้านอนุมูลอิสระแต่ละตัวจะมีหน้าที่ที่ต่างกัน ซึ่งเราสามารถแบ่งสารต้านอนุมูลอิสระออกเป็น 3 ประเภท ตามกลไกการยับยั้ง ได้แก่

  1. Preventive antioxidant – ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ
  2. Scavenging antioxidant – ทำลายหรือยับยั้งอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น
  3. Chain breaking antioxidant – ทำให้ลูกโซ่ของการเกิดอนุมูลอิสระสิ้นสุดลง หรือการช่วยชะลอการเกิด “ออกซิเดชั่น” ซึ่งเป็นตัวทำให้เราแก่เร็ว ริ้วรอยมากขึ้น และเจ็บป่วยได้ง่าย

 

antioxidants สารต้านอนุมูลอิสระ

 

กลไกของสารต้านอนุมูลอิสระ

สารต้านอนุมูลอิสระเมื่อร่างกายได้รับเข้าไปแล้ว จะไปยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation Reaction) ในร่างกาย ซึ่งปฏิกิริยาออกซิเดชันนี้มีผลให้เกิด “ภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน (Oxidative stress)” การเกิด Oxidative stress นั้นถ้าเกิดน้อยจะไม่ส่งผลหรือให้โทษต่อร่างกาย แต่ถ้าเกิดการสะสมมากของ Oxidative stress ก็จะเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ โดย Oxidative stress แบ่งการเกิดเป็น 4 ชนิดหลัก ได้แก่

  1. เกิดที่ส่วนสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) , โรคพาร์คินสัน (Parkinson) และ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
  2. เกิดที่ส่วนปอด เช่น โรคหอบหืด (Asthma) และ ภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง (Pulmonary Hypertension หรือ PH)
  3. เกิดที่ส่วนหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง (Hypertension) , ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) และ ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure)
  4. เกิดที่ส่วนไต เช่น โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะหรือนิ่วในไต (Urolithiasis) และ โรคไตที่มาจากเบาหวาน (Diabetic Nephropathy)

พูดง่าย ๆ ก็คือ หากร่างกายเราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไป ร่างกายของเราจะเกิดการปรับสมดุลไม่ให้เกิดภาวะเครียดจากออกซิเดชัน ทำให้เกิดการสะสมของโรคร้ายต่าง ๆ ลดลง ดังนั้นสารต้านอนุมูลอิสระจึงสำคัญต่อร่างกายมาก ๆ นั่นเองครับ

 

สารต้านอนุมูลอิสระที่ควรรู้จัก

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Antioxidant เนี่ยมีหลายชนิดมาก ๆ นอกจากสารพื้นฐานอย่างพวกวิตามินเอ ซี อี หรือฟลาโวนอยด์ ผักอวบอยากจะนำเสนออีก 5 ตัวที่สำคัญมาก ๆ คือ

  1. เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) – จัดเป็นลิพิด (lipid) หรือสารชีวโมเลกุล ที่ไม่ละลายในน้ำแต่ละลายในไขมัน มีรงควัตถุที่ให้ทั้งสีแดง สีส้มและสีเหลือง พบมากในผักที่มีสีสัน ตามหลักการแล้วร่างกายเมื่อได้รับเบต้าแคโรทีนแล้วจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามิน เอ ทันที เบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอันดับต้น ๆ ที่มีความสำคัญมาก เพราะเบต้าแคโรทีนจะช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ร่างกายของเราให้ดีขึ้น เช่น ต้านแสง UV, บำรุงการทำงานของปอด, บำรุงสายตา, ลดความเสี่ยงในการเกิดเซลล์มะเร็ง โดยผักผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ผักคะน้าและเคล, แครอท, แคนตาลูป, บล็อกโคลี่, มะเขือเทศ และ พาสเล่ย์ครับ
  2. เมลาโทนิน (Melatonin) – เป็นฮอร์โมนจากสมองที่ถูกสั่งจากต่อมไพเนียลอีกทีหนึ่ง เมลาโทนินนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในมนุษย์อยู่แล้ว โดยฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกมาในช่วงกลางคืน ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์เราถึงง่วงนอนและหลับในช่วงกลางคืน พอเป็นเวลากลางวันเมลาโทนินจะไม่ค่อยหลั่งออกมาก็เป็นเหตุผลอีกว่าทำไมมนุษย์ถึงไม่ง่วงในช่วงเวลากลางวัน ส่วนความสำคัญของเมลาโทนินที่นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คือ ถ้ามีระดับเมลาโทนินร่างกายปกติ จะช่วยเรื่อง อาการนอนไม่หลับ อาการนอนผิดเวลา และอาการเจ็ทแล็ค (เป็นอาการที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับเวลาที่เปลี่ยนไปเมื่อเราไปอีกประเทศหนึ่ง) โดยเมลาโทนินนั้นสามารถเพิ่มได้โดยการกินอาหารจำพวกปลา ไข่ และเชอรี่ครับ
  3. กรดแอลฟา-ไลโพอิก (Alpha-Lipoic Acid) – หรือกรดไลโพอิกเป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์มากพอสมควร โดยความเฉพาะตัวของกรดไลโพอิกก็คือสามารถละลายได้ทั้งน้ำและน้ำมัน ความสำคัญของกรดไลโพอิกที่ดีต่อมนุษย์ เช่น ลดระดับน้ำตาลในเลือด, ลดการอักเสบจากแผลหรือกล้ามเนื้อ, ช่วยชะลอความแก่, เสริมสร้างระบบประสาทในสมอง และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ส่วนอาหารที่พบกรดไลโพอิกจะพบในเนื้อแดง เช่น ตับ หัวใจ ส่วนในผักพบใน บล็อกโคลี่ คะน้า เคล มะเขือเทศ มันฝรั่ง ถั่วเขียว
  4. ไลโคปีน (Lycopene) – เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสำคัญในเรื่องของผิวพรรณ ลักษณะทั่วไปเป็นของแข็ง โครงสร้างเคมีของไลโคปีนไม่มีอะตอมออกซิเจน ไลโคปีนช่วยในเรื่องแก้ปัญหาโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น เซลล์มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และ อัลไซเมอร์ ส่วนเรื่องผิวพรรณช่วงป้องกันแสง UV ได้ดีมาก เมื่อได้รับ 8-16 มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยลดรอยแดงของผิวหนังได้ถึง 50% โดยพบมากสุดใน มะเขือเทศทุกพันธุ์ ฝรั่ง มะละกอ
  5. กลูตาไธโอน (Glutathione) – เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นกรดอะมิโนหลาย ๆ ตัวที่รวมกันเป็นโปรตีน โดยสามารถสังเคราะห์ในร่างกายได้เอง กลูตาไธโอนมีกรดอะมิโนสามชนิดที่ประกอบด้วยกัน มี กลูตาเมต (Glutamate) ซีสเตอีน (Cysteine) และ ไกลซีน (Glycine) ความสำคัญของกลูตาไธโอน คือ ช่วยเรื่องการทำงานของ DNA ในร่างกาย, สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน, เสริมสร้างวิตามินอีและเคมากขึ้น และรักษานิ่วในถุงน้ำดี ผักและผลไม้ที่พบกลูตาไธโอน ได้แก่ อะโวคาโด บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ส้ม สตอรว์เบอร์รี่ แตงโม องุ่น

antioxidants สารต้านอนุมูลอิสระ

สารต้านอนุมูลอิสระปลอดภัย 100% ไหม?

ผักอวบต้องบอกว่าสารต้านอนุมูลอิสระนั้นปลอดภัยแน่นอน 100% หากเราได้รับในปริมาณที่พอดี เพราะผักอวบมักพูดเสมอว่าการกินอาหารที่ถูกต้องตามหลัก คือ กินแต่พอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป และที่สำคัญ คือ การกินอาหารที่เป็นอาหารจริง ๆ ดีกว่าการกินอาหารเสริมแน่นอนครับ

อธิบายง่าย ๆ แบบนี้ครับ ผักและผลไม้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีหลักฐานยืนยันว่าการรับประทานผักและผลไม้มาก ๆ เป็นผลดีต่อสุขภาพและยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายชนิด แตกต่างจากสารต้านอนุมูลอิสระที่สังเคราะห์ขึ้นในอาหารเสริม ที่ผลจากการวิจัยส่วนใหญ่พบว่าอาจไม่มีส่วนช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง อย่าง โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือมะเร็ง ซึ่งสาเหตุที่นักวิจัยตั้งสมมติฐานไว้ คือ ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผักหรือผลไม้นั้นอาจมีสารและปัจจัยอื่น ๆ มาเกี่ยวข้อง เช่น ไฟเบอร์ หรือเป็นไปได้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่สังเคราะห์ขึ้นมีความแตกต่างจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในธรรมชาตินั่นเองครับ ซึ่งในจุดนี้ก็ต้องรอการพิสูจน์กันต่อไปครับ

 

สรุป

สารต้านอนุมูลอิสระเป็นพระเอกที่จะมาช่วยให้ร่างกายเราเกิดสมดุล โดยการเข้าไปต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่มาจากสารพิษต่าง ๆ ที่เราได้รับมาในชีวิตประจำวัน ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระนี้มาได้จาก 2 ส่วน คือ ร่างกายของเราสร้างขึ้นเอง และการรับประทานอาหารจำพวก ผักผลไม้ ธัญพืช และ เนื้อปลาบางชนิด โดยสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ๆ ได้แก่ วิตามินเอ ซี อี แบต้าแคโรทีน เมลาโทนิน ฟลาโวนอยด์ ไลโคปีน ฯลฯอ่านบทความนี้จบแล้วรีบไปหาผักผลไม้มาเสริม Antioxidant ให้กับร่างกายกันดีกว่าครับ

ผักที่บารมีพิรุณของเราปลูกเป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก เพราะเราได้ทำการวิจัยอย่างเข้มข้นเพื่อให้ได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์กับทุกท่าน รวมถึงผักที่เราปลูกส่วนใหญ่เป็นผัก Superfood และ ผักหายาก ดังนั้นหากท่านใดสนผักสดเสริม Antioxidant คลิกที่นี่ หรือ link ด้านล่างได้เลยนะครับ ถ้าชอบบทความสาระความรู้ด้านเกษตรแบบนี้อย่าลืมกด Like กด Share และกดติดตาม บารมีพิรุณ Plant Factory ผ่านช่องทางต่าง ๆ ด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ

Table of Contents

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *